037 ธรรมปัจเวกขณ์
วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๒๖

การศึกษาที่มีระบบ มีวิธีการ มีระเบียบหลายอย่าง เช่น เราอยู่สงัด ในวันพุธ ที่เรียกว่า พุทธังกันนี่ เราจะเห็นได้ สังเกตได้ว่า บรรยากาศอย่างหนึ่ง ที่เราอยู่ ก็ให้อ่านจิตใจ อารมณ์ ความเป็นอยู่ ตลอดทั้งวัน ความรู้สึกรวม ตลอดทั้งวัน เมื่อผ่านวันขึ้นมา เป็นวันที่มันพูดได้ละ ทีนี้เกิดการพูดได้ขึ้นมา แล้วเป็นอย่างไร ความดิ้นรน ความอึดอัด หรือว่าความพอใจ ไม่พอใจ ต่างๆนานา เราจะได้รู้สึกว่า สิ่งเหล่านี้ มันเป็น สิ่งแวดล้อม เป็นกาโย เป็นความประชุม เป็นสิ่งแวดล้อม ในบรรยากาศ ในธรรมชาติอย่างนั้น แล้วจิตใจของเรา ตกอยู่ในสภาพอย่างนั้น เทียบกับ อีกสภาพอย่างหนึ่ง มันก็ไม่เที่ยง จิตใจพอใจ เบิกบานร่าเริง ยินดีต่างกัน ชอบใจ ไม่ชอบใจต่างกัน เราก็ให้พยายามเรียนรู้ แล้วปรับ หัดศึกษา แล้วก็วางปล่อยให้ดี มันก็เป็น ธรรมชาติอย่างนั้น เราจะเอาอะไร แน่นอนไม่ได้ เที่ยงไม่ได้ในโลก มันจะมีมากบ้าง ลมมาก ฝนมาก แดดมาก มีสิ่งแวดล้อม อึกทึกครึกโครม หรือเงียบเชียบ มีองค์ประกอบ ต่างๆนานา เป็นได้หมด แม้แต่มีคน ที่ร้ายกาจ ด้วยจริต พฤติกรรม ในบรรยากาศเหล่านั้น เราจะต้อง เป็นคนมั่นคง จะเป็นบรรยากาศ อย่างใดๆ เราก็ เป็นคนมั่นคง มีอารมณ์ เบิกบานแจ่มใส ไม่อึดอัดขัดเคือง ไม่แปรปรวนไปตาม อำนาจแวดล้อม เรามีความเป็นของตัว เป็นอัตตา หิ อัตตโน นาโถ เป็นความเป็นได้อยู่ ได้พึ่งตน ไม่ใช่พึ่งสิ่งแวดล้อม ไม่ได้เป็นใหญ่ เราใหญ่กว่าสิ่งแวดล้อม จึงเรียกว่า โลกุตระ หรือเหนือโลก ไม่ใช่สิ่งแวดล้อม ใหญ่กว่าเรา

เพราะฉะนั้น การปรับจิตปรับใจ แม้แต่บรรยากาศ ดังกล่าวนี้ ก็ขอให้ศึกษาให้ดี การกระทบสัมผัส ทุกอย่างน่ะ แวดล้อมไปด้วย สิ่งประกอบทุกอย่าง เราจะต้องศึกษาหมด ตั้งแต่หยาบ กลาง ละเอียด แล้วเราก็ปรับจิต ปรับใจของเรา ให้มั่นคง อยู่ในแกนเดิม เป็นแกนที่มันสบาย เบาว่าง ไม่ขึ้นไม่ลง ไม่หวั่นไหว แปรปรวน ไปตามอำนาจ สิ่งแวดล้อมเหล่านั้น อย่างแท้จริง หัดทำจริงๆ ไม่ใช่นั่งคิด นั่งนึกเอา มีสิ่งเหล่านี้จริง แล้วเราก็ฝึกจริง ทำให้ได้จริง จึงจะเป็นคนแยบคาย และเป็นคน มีอำนาจทางจิต สามารถที่จะ เป็นอยู่ได้เหนือโลก สามารถที่จะเป็นอยู่ได้ อย่างพ้นทุกข์ สามารถที่จะเป็นอยู่ได้ เรารู้ว่า จิตใจที่สบาย เป็นจิตใจที่ดี ไม่ใช่ตามเราชอบ แต่จิตใจของเรา ว่างจากกิเลส คำว่า ตามจิตใจเราชอบนั้นน่ะ บางคน ชอบเงียบๆ พอเงียบๆ ก็ชอบใจ ถ้าไม่เงียบก็ทุกข์แล้ว บางคนชอบไม่เงียบ ถ้าเงียบๆก็รู้สึก อ้างว้าง ว้าเหว่ เหงาหงอย จะต้องอึกทึกครึกโครม พอประมาณ ถึงจะชอบน่ะ อย่างนี้ เป็นต้น มันเป็นใจเราชอบ มันไม่ได้เป็นไป ตามความเป็นจริง

จิตที่ชอบไม่ชอบนั้น เป็นกิเลสทั้งสิ้น ถ้าเผื่อว่า เราก็อยู่ได้ทั้ง บรรยากาศเงียบ ก็ว่างเบาสบาย อย่างนั้น อึกทึกครึกโครม เราก็ว่างเบาสบายได้ อย่างนั้นเป็นปรกติ ยังจะเป็น ผู้ที่ทำงานทำการ มีการเบิกบาน แจ่มใสอยู่ พูด ทำการงาน คิด นึก มีอาชีพ มีอะไรเป็นปรกติ ได้อยู่ทั้งสิ้นน่ะ ในเรื่องจิตใจ ไม่มีแปรปรวน ไม่มีเปลี่ยนแปลง ไม่มีการขึ้นลง กับสิ่งแวดล้อม เหล่านั้น

นอกจากวัตถุเสียเอง ซึ่งมันก็จะต้องเป็น ตามวัตถุ แดดออก ทำอะไรได้อย่างหนึ่ง ฝนตก ทำอะไรก็ได้ อย่างหนึ่ง อากาศร้อน อากาศหนาว ก็ทำได้อย่างหนึ่ง ไอ้สิ่งที่มีสิ่งอย่างนั้น สิ่งอย่างนี้ แล้วก็ทำอะไรได้ อย่างหนึ่ง เมื่อมันไม่มี มันก็ทำได้ อีกอย่างหนึ่ง นั่นเป็นเรื่องของวัตถุ ส่วนจิตใจของเรานั้น ไม่ได้เดือดร้อน ตามวัตถุ เหล่านั้นด้วยเลย ต้องอ่านให้แยบคาย ต้องรู้สึก ให้แยบคายจริงๆ เราจึงจะเป็น ผู้ไม่เป็นทาส สิ่งแวดล้อม ไม่เป็นทาสกาโย ไม่เป็นทาสสิ่งอะไร ก็แล้วแต่ จึงจะเข้าหาหลัก โลกุตรธรรม คือผู้ยืนอยู่ เหนือโลก ผู้อยู่เหนือสิ่งแวดล้อม ผู้อยู่เหนือธรรมชาติ อย่างแท้จริง

สาธุ.